Grand Mercure Bangkok Atrium สถานที่จัดงานแต่งงานสไตล์โมเดิร์น ใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมทีมงานมืออาชีพช่วยจัดงานแต่งในฝันให้เป็นจริง
คู่ของเรา (คุณ Christina และคุณ Htin Lin Aung) ไม่ได้อยู่เมืองไทย คริสติน่าอยู่ที่กาตาร์ค่ะ พ่อแม่มาจากเมียนมาร์ ส่วนแฟนกับครอบครัวอยู่ที่ออสเตรเลีย บางส่วนของแขกก็มาจากอเมริกา ถ้าเลือกจัดงานที่เมียนมาร์ การเดินทางอาจจะยาก ดังนั้น กรุงเทพฯ เลยเป็นจุดกึ่งกลางที่ทุกคนสามารถมาเจอกันได้สะดวกที่สุดค่ะ
กำหนดวันแต่งงานของเราคือ 16 กุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งเราเพิ่งเริ่มวางแผนและเตรียมงานจริงจังตอนปลายเดือนธันวาคม เท่ากับมีเวลาแค่เดือนครึ่ง น้อยมาก ๆ ค่ะ เลยลองถามเพื่อนว่า พอจะรู้จักสถานที่จัดงานแต่งงานในไทยไหม เขาก็แนะนำ Grand Mercure Bangkok Atrium (แกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพ เอเทรียม) เพราะมีทุกอย่างครบจบในที่เดียว ทั้งอาหาร แสง สี เสียง การตกแต่ง ไม่ต้องจ้างทีมงานเพิ่มเติมจากข้างนอก แถมแพ็กเกจราคาดีด้วยค่ะ ก่อนหน้านี้เราเคยดูหลายที่ทางออนไลน์ แต่พอเจอที่นี่ก็ไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้วค่ะ
เจ้าสาวลุยเอง เลือกธีมสวนดอกไม้สไตล์ Fairy Tale โดยมีเจ้าบ่าวคอยตามใจ
ส่วนตัวชอบงานแต่งสไตล์เทพนิยายค่ะ อยากให้ทุกอย่างดูโรแมนติก สวยงามเหมือนฝัน ซึ่งแฟนก็ให้เราเป็นคนตัดสินใจทั้งหมด เขาบอกว่า “อะไรก็ได้ที่เธอชอบ” เมื่อได้ยินแบบนี้ ก็ลุยเลย เริ่มจากเลือกธีมสีส้มหลายเฉด เพราะอยากให้งานดูสดใส เน้นดอกไม้เยอะ ๆ ใช้ทั้งดอกไม้จำลองขนาดใหญ่ตกแต่งบนเวที เพื่อให้ดูโดดเด่น และมีดอกไม้จริงเล็ก ๆ ประดับจนเต็ม ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กลางสวนในฤดูร้อนค่ะ
เค้กก็เป็นอีกหนึ่งตัวเอกของงาน เราบอกทีมว่าอยากได้เค้กดีไซน์ยูนีค โรงแรมก็ให้ดูตัวอย่างหลายแบบ แต่มาสะดุดตากับเค้กชิ้นนี้ เพราะเป็นโทนสีทองหรูหรา มีรายละเอียดเยอะ ทั้งชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน เครื่องดนตรี เข้ากับธีมงานที่ดูชวนฝันดีค่ะ
เราจัดที่นั่งของแขกเป็นโต๊ะ Long Table เพื่อให้ดูใกล้ชิด อบอุ่นยิ่งขึ้น โดยวางดอกไม้โทนสีส้มบนโต๊ะให้เข้าธีมกันค่ะ เรื่องการตกแต่งสถานที่ทั้งหมดนี้ ทางโรงแรมช่วยดูแลให้ ทำให้เตรียมงานง่ายและประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยค่ะ
ใช้รูปพรีเวดดิ้งอย่างคุ้มค่า ด้วยการนำมาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่ง
เนื่องจากแพ็กเกจแต่งงานของที่นี่ สามารถใช้สถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งได้ฟรีทั้งวัน รวมถึงขึ้นไปถ่ายที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ด้วยค่ะ แล้วเรายังถ่ายพรีเวดดิ้งในสตูดิโอกับร้านชุดแต่งงานอีก เราเห็นว่ามีรูปสวย ๆ เยอะ จึงนำมาใส่เป็นภาพสไลด์บนจอ LED เหนือเวที เพื่อเพิ่มให้บรรยากาศดูมีสีสัน และถือว่าได้แชร์รูปกับแขกในงานค่ะ
ภาพอีกส่วนหนึ่งเราอัดใส่กรอบ นำมาวางบนขาตั้งในโซนแกลเลอรีบริเวณโถงทางเดิน และวางบนโต๊ะร่วมกับรูปภาพตั้งแต่คบกันด้วยค่ะ เวลาแขกเดินเข้ามาในงาน ก็จะได้ซึมซับเรื่องราวความรักของเราไปพร้อมกัน
พิธีแบบคริสต์สุดอบอุ่นหัวใจ ท่ามกลางความยินดีของแขกจากหลายซีกโลก
เราทั้งคู่เป็นคริสเตียนค่ะ จริง ๆ ก่อนหน้างานที่โรงแรม เราจัดพิธีที่โบสถ์ไปแล้ว ซึ่งจะเป็นฟีลที่ค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์ งานนี้เลยอยากให้ดูอบอุ่น สนุกสนาน เป็นกันเอง มีเพื่อน ๆ และครอบครัวจากหลายประเทศมา แต่พิธีการก็ยังคงเป็นแบบคริสเตียนค่ะ เริ่มจากครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าวถือพานแหวนและมี Flower Girls เดินนำมาก่อน ตามด้วยเจ้าบ่าว จากนั้นก็ถึงคิวเจ้าสาวเดินเข้ามาพร้อมคุณพ่อคุณแม่ ก่อนที่จะส่งมอบมือเราให้แฟน แล้วก็เดินขึ้นเวทีด้วยกัน
ตอนที่เดินเข้ามา ทางทีมไลท์ติ้งจะลดแสงให้ในห้องมืด แล้วมีเพียงไฟฟอลโลว์ส่องมายังตัวเราที่กำลังเดินเข้ามา ทำให้ทุกคนมองเป็นตาเดียว เอาจริง ๆ ตอนนั้นมองไม่เห็นอะไรข้างหน้าเลยค่ะ เพราะสวมเวล ก็แอบกระซิบพ่อกับแม่ว่าให้ช่วยพาเดินด้วยนะ แต่พอเห็นรูปที่ออกมาแล้วว้าวมากค่ะ
บนเวทีมีศิษยาภิบาลเป็นผู้นำพิธี เรากล่าวคำสาบานอีกครั้ง แล้วก็แลกแหวน ตามด้วยเพื่อน ๆ ขึ้นมากล่าว Speech และที่เซอร์ไพรส์คือพวกเขาร้องเพลงพิเศษให้เราด้วยค่ะ มารู้ทีหลังว่าเพื่อน ๆ ซ้อมร้องเพลงกันแบบออนไลน์ เพราะต่างคนต่างอยู่คนละที่ แล้วมารวมตัวที่นี่ครั้งแรก เราซาบซึ้งใจมาก และมีความสุขสุด ๆ
แน่นอนว่ายังมีแขกที่อยู่ไกลบางท่านไม่สามารถมาร่วมงานได้ แต่พวกเขาก็ทำวิดีโอมาเปิดบนจอ เพื่ออวยพรให้กับเรา ทำให้ยิ่งรู้สึกอบอุ่นหัวใจที่ทุกคนทำเพื่อเราขนาดนี้ค่ะ
จบช่วงพิธีการบนเวที เราก็เดินไปจุดเทียนและตัดเค้ก โดยทางโรงแรมเตรียมเค้กใส่จานไว้มอบให้กับครอบครัวและแขกวีไอพีด้วยค่ะ หลังจากนั้นก็มาโยนช่อดอกไม้ ซึ่งเป็นช่วงที่เพื่อน ๆ ตั้งตารอคอยมาก ๆ และเราไม่จำกัดเฉพาะสาวโสดนะคะ หนุ่ม ๆ ก็มาร่วมสนุกได้ ผลปรากฏว่าคนที่รับช่อดอกไม้เจ้าสาวได้เป็นเพื่อนผู้ชายจริง ๆ ทำเอาฮาทั้งงานเลยค่ะ
งานนี้ไม่มีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เพราะทั้งเราและแขกส่วนใหญ่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ แต่มีช่วงเล่นเกมเล็ก ๆ น้อย ๆ ชื่อว่าเกมเรียงถ้วย โดยจะจับคู่เพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวมาคนละฝั่ง ใครเรียงถ้วยได้สูงที่สุดเป็นฝ่ายชนะ
งานแต่งงานในฝันเกิดขึ้นได้ เพราะแรงสนับสนุนที่ดี
งานแต่งของพวกเราคงออกมาสมบูรณ์แบบนี้ไม่ได้เลย ถ้าขาดทีมงานทั้งหมด เราอยากขอบคุณโรงแรม โดยเฉพาะ คุณนัน ที่ช่วยดูแลตั้งแต่ต้นจนจบงาน ไม่ว่าจะอยากได้อะไร ทั้งเรื่องแสง เสียง หรือแม้แต่สไลด์ภาพฉากหลัง ทีมก็ช่วยกันปรับให้และอยู่ข้างเราตลอด เลยรู้สึกผ่อนคลายมาก ไม่ต้องกังวลอะไรค่ะ วันจริงคิวก็ไหลลื่น ต้องบอกว่าโชคดีมากที่เลือกจัดงานโรงแรมนี้ เพราะถ้าเป็นที่อื่น เวลาหนึ่งเดือนครึ่งอาจจะไม่พอเลยด้วยซ้ำ
อาหารก็มีแต่คนชมว่าอร่อยมาก เราเลือกบุฟเฟ่ต์นานาชาติ จึงมีอาหารหลากหลายประเภท ครบทั้งคาวหวาน ขนมไทย ผลไม้ แต่ไม่มีเนื้อหมูนะคะ เพราะเราไม่ทาน ทุกอย่างเราเลือกเมนูเอง ตั้งใจให้แขกอิ่มอร่อยที่สุดค่ะ ดีใจมากเลยที่ทุกคนชอบ
คำแนะนำสำหรับบ่าวสาว
ถ้าเริ่มวางแผนได้เร็วก็จะดี : ควรมีเวลาเตรียมงานล่วงหน้าเยอะ ๆ เพราะหากมีเวลาน้อย ทุกอย่างอาจต้องรีบตัดสินใจ และต้องอาศัยทีมงานมืออาชีพ เพื่อช่วยให้งานเสร็จทันเวลา
เลือกช่างแต่งหน้าและทำผมที่เรามั่นใจ : พาร์ทที่ยากสำหรับเจ้าสาวหลายคนคือเรื่องเมคอัพ เพราะไม่แน่ใจว่าช่างจะแต่งหน้าให้เราออกมาดูดีที่สุดไหม อาจจ้างให้มาแต่งหน้าวันพรีเวดดิ้งก่อน และสำหรับบ่าวสาวต่างชาติ การเลือกช่างแต่งหน้าที่มาจากประเทศนั้น ๆ จะพูดคุยได้ง่ายและลดความกังวลกว่า